ขอบคุณที่ผ่านมา และผ่านตา ครับ

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คุณอยากเป็นหัวหมา หรือ หางเสือครับ

...เมื่อวานผมได้บอกถึงเรื่องที่ทำงานที่ไกลแล้วก็มาจบที่เรื่องตามหัวข้อแบบงงๆ เหมือนกัน สำหรับท่านที่พบกันครั้งแรกนะคับ คือ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเป็นนักเขียนอะไรนะคับ เพียงแค่อยากบอกเล่าประสบการณที่อาจจะมีประโยชน์สำหรับใครบางคนได้แม้เพียงเศษเสี้ยวผมก็ดีใจมากแล้ว ก็อาจเขียนผิดบ้าง ตั้งใจให้ผิดเพราะขี้เกียจบ้างก็อย่าถือสากันนะครับ คือเหมือนกับเพื่อนๆกันมีอะไรก็มาเล่านะคับ เข้าเรื่องดีกว่าคำกล่าวนี้เปรียบกับยุคที่คนไทยหายไปไหนกันหมดในระบบแรงงาน ทุกวันนี้ในภาคแรงงานหนักคุณแทบไม่เห็นคนไทยแล้ว 85-90 เป็นต่างด้าวหมดแล้ว คิดง่ายๆได้คือ 1.คนไทยรวยหมดแล้วไม่มีใครทำงานอาบเหงื่อแบบนี้หรอก (แล้วที่ผมยังทำนี่ไงวะ ยังจนสินะ ) 2.คนไทยไม่ทำงานแล้ว นอนรอโชคจากส่งชิงโชค คิดเอานะคับ 3. แล้วแต่คุณคิดละ เอ้าไม่เกี่ยวเหรอ อ้ออันนี้ของตอนหน้า ขอโทษทีคับ เข้าเรื่องจริงๆละ เมื่อคุณจบใหม่ในทุกสายการเรียน เข้าสู่การทำงานจริง ทุกคนย่อมหวังถึงการเข้าทำงานในบริษัทที่ใหญ่โตเพื่อความมั่นคงทางชีวิต อันนี้ก็เป็นเรื่องปรกติ แต่บางคนเข้าไม่ได้ก็ท้อแท้ พาลกลายเป็นนีท ไปก็มี หรือบางท่านก็ไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อให้สูงขึ้น ผมอยากให้ท่านที่ประสบปัญหาเหล่านี้มามองในมุมแบบผมบางครับ ในบริษัทใหญ่ๆสว่นมากเราอาจเริ่มในตำแหน่งเล็กๆ ก็แทบไม่มีใครรู้จักเราว่ามีตัวตนอยู่ นอกจากฝ่ายบุคคลที่รับคุณมา ถ้าคุณเริ่มต้นที่ตำแหน่งใหญ่ๆ คุณเลิกอ่านต่อไปเลยครับ ถ้าคุณทำงานแผนกตัดต่อ ในบ. ยักใหญ่คุณอาจเป็นคนทำฉากหลังเล็กๆในแผนกกว่า 10-20 คน ก็เปรียบเหือนคุณ เป็นส่วนประกอบเขา งานที่ทำก็อาจไม่โชว์ฝีมือคุณได้เต็มที่ กลับ กันถ้าคุณเข้าทำงานบริษัทเล็กๆ คน 2-3 คุณจะมีความสำคัญอย่างมาก ฝีมือคุณอาจจะเป็นหลักของงานที่แสดงออกมา หรือคุณเป็นนักข่าว ไม่ง่ายนะคับที่ครั้งแรกคุณจะมาอ่านข่าววิเคาะ แบบพี่ที่คุณเห็นตอนเช้า คุณต้องแข่งกับคนเป็นร้อย ถ้าคุณอยู่ช่องท้องถิ่น วันแรกที่ทำงาน บ่ายคุณอาจไปยืนพูดแล้วก็ได้ ที่พูดมาไม่ใช่ว่า บ. ใหญ่ไม่ดีนะคับ หรือ บ. เล็กไม่มีมาตฐาน ผมจะบอกว่ามันเป็นเรื่องโอกาสมากว่า เพียงแต่ว่าอย่าน้อยใจในสถานที่ทำงานของคุณ เอ้าแบบจะๆไปนึง คุณจบคูรมาพร้อมกับเพื่อน 2 คน เพื่อนคูรสอนโรงเรียนเอกชน ค่าเทอมแพงมากมาย คุณสอนโรงเรียนรัฐเล็กๆ แล้วยังไงคุณจะสอนเด็กแบบตามความใหญโตชื่อเสียงเหรอ คับ ไม่มีชื่อไม่ต้องเรียนมาก ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราคับ ว่าเราจะทำงานได้ออกมาดีขนาดไหนไม่ใช่อยู่ที่องกร อ่านมาถึงตอนนี้หลายท่านคงเรื่มน่าจะมีกำลังมากขึ้น ไม่มองข้าม บ.เล็กๆ ที่เดินผ่านกันบ้างแล้วนะคับ ที่เล็กคุณมีโอกาสเป็น หัวหมาที่นำทางตัวได้ คิดเองได้ นำพาเขาเจริญได้ ที่ใหญ่ คุณคุยได้ มีชื่อเสียง แต่อาจจะขาดโอกาส ที่จะนำพาเขา แสดงความคิดได้ไม่เท่าใจอยาก ต้องคอยเป็นหางเสือ แต่อย่าลืมนะคับหัวที่ไม่มีคุณภาพก็ไม่สร้างสรรค์อะไรเหมือนกันะคับ ...

นอนดึกตื่นสาย นอนเร็วตื่นเช้า

...เชื่อเหลือเกินว่าทุกท่านต้องเคยมีประสบการณืนี้แน่นนอน โฟกัสเราคือความต่างของมัน ถ้าท่านเป็นวัยเรียน วัยทำงาน มีงานทำแล้วนะ วันทำงานของคุณเฉลี่ยคราวๆประมาณ 5-6 วันแน่นนอนคุณเริ่มงานประมาณ 8 โมง ถ้าเดินทางทั่วไปไม่รีบ ก็ประมาณ 45-30 นาทีแล้วแต่ความไกลใกล้ที่ทำงาน โรงเรียน ก็ต้องตื่นประมาณ 5-6 โมง ในบางราย เข้าเรื่องนะ รายการส่วนตัวผมพบว่าคนเราหลับสบายที่สุด คือช่วงเวลา 5-6 เช้านี่แหละแน่นนอน เวลาที่เราต้องลุกไปทำงานนี่แหละ ถ้าคุณนอน เที่ยงคืน ตื่น 8 โมงคุณจะรู้สึกว่านอนพอแล้ว ถ้าคุณนอน 3ทุ่มตื่น ตี5 คุณจะรู้สึกว่านอนไม่พอ ทั้งที่ 8 ชม เท่ากันนั่นอาจเป็นเพราะคุณตื่นในช่วงที่หลับสบายที่สุด ทำให้จิตใจคุณรู้สึกนอนไม่เต็มที่ คนเมืองทั้งหลายจึงพยายามอยู่ใกล้แนวเส้นทางการเดินทางไปทำงาน เพื่อจะมีเวลาตื่นสายมากขึ้น เพราะชดเชยเวลาที่นอนดึก ผู้เขียนเคยทำงานที่นึงซึ่งไม่ไกลมาก หากขับรถจะใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที ถ้าตื่นสัก 7 โมง ก็ไปทัน 8 โมงสบายๆ แต่ชีวิตไม่ง่ายครับ เพราะเส้นทางนั้นถ้าไปรถสาธรณะ ต้องใช้เวลาถึง 2.30 ชม เนื่องจากต้องต่อรถหลายต่อ และแต่ละต่อก็มีรถผ่านไม่กี่สาย ทำให้กลายเป็นไกลไปเลย ทำให้ต้องตื่น ตี 5 แรกๆก็นอนดึกครับ เที่ยงคืนบ้าง พอตื่นก็ล้านะ ภายหลังก็นอนเร็วขึ้น ประมาณ 3ทุ่มแรกๆ ก็นอนไม่หลับเพราะชินกับการนอนดึกมาตลอด แต่ก็ปรับตัวได้ โอเคแต่ก็ยังมีงัวเงียบ้าง ปัญหาไร้สาระตามมาครับ คือไม่สามารถคุยหัวข้อสนทนาทั่วไปกับเพื่อนร่วงานได้ครับ เนื่องจากเรานอนเร็ว รายการส่วนใหญ่จบดึก สมัยนั้นอินเตอร์เนทไม่แรง 56k ใครได้สัก 32 นี่น้ำตาไหลแล้ว เลยแก้ปัญหาแบบแรกคับ นอนดึกเหมือนเดิม แล้วไปอาศัยหลับบนรถทดเวลาเอา ผลไม่เวิคครับ เพราะเราไม่สามารถนั่งรถตลอดเวลาได้ และแต่ระยะไม่นานขนาดนั้น
จึงมาคิดหาสาเหตุดูใหม่พบว่าเรามองข้ามสิ่งง่ายๆไปครับ แก้ง่ายมาก แต่อาจจะยากสำหรับบางท่าน ผู้เขียน ย้ายไปอยู่ใกล้ๆที่ทำงานครับ หักลบค่ารถเดินทางแล้ว พอๆกับค่าเช่า ได้ผลดีมากครับ ชีวิตมีเวลาขึ้นมาก
อันนี้ผมขอบอกในตอนอื่นอีกทีเกี่ยวกับเรื่องของเวลานะคับ เรามองสิ่งต่างๆยากไปไหมคับกับชีวิตเรา เด็กบางคนต้องตื่นตี5 ไปโรงเรียน กินข้าวในรถ เพื่อไปเรียนโรงเรียนชื่อดัง กับเรียนใกล้บ้านสบายๆ ทำงานในเมืองใหญ่ที่ดูดี กับทำงานใกล้ๆบ้านบริษัทเล็ก แค่คุณมีเวลาให้ตัวเพิ่มสัก 2 ชม ชีวิตคุณเปลี่ยนไปจนคุณรู้ได้แน่คับ วันพรุ่งนี้จะมาต่ิอเรื่องราวของงานคับ คุณจะเป็นหัวหมา หรือหางเสือที่ได้แค่แกว่งคับ...