ขอบคุณที่ผ่านมา และผ่านตา ครับ

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ห่างตัวใกล้ใจ ...ห่างใจใกล้ตัว

...เป็นคำที่ดูเหมือนจะจะคล้ายกัน แต่ในความจริงแล้ว อันที่สองมันจะดูไม่มีหวังเลยนะคับ ถ้าคุณมีคนรักเข้าต้องจากไปที่ไกลๆ เช่นได้ทุนไปเรียนโท ต่างประเทศที่มันไกลๆเช่นญี่ปุ่น เยอรมัน แต่คุณมันมนุาย์เงินเดือน ทำงานไปเรื่อย ก็ยังดีสมัยนี้มีอินเตอร์ดี ติดต่อกันง่าย ย้อนไปปี 2000 ผมต้อง รอรับโทรศัพท์ทางไกลตอนดึกเพื่อฟังคำพูดเพียง ประโยคสั้นๆ เนื่องจากค่าโทรมันแพง เอ้าจะเลยอีกแล้ว คือในเคสนี้คุณยังแฮบปี้นะ เพราะถึงคุณจะไม่อยู่ด้วยกัน ไม่ได้ใกล้กัน แต่ใจความสัมพันธ์ มันยังมีอยู่ไง แค่ระยะทางมันห่าง ถ้าเป็นเดียวนี้สบายเลย แต่เคสสองนี้ มันต้องบอกเลยนะคับ ว่ามันทรมานมากนะใครเจอกับตัวจะรู้เลย ให้คุณใกล้จนลมหายใจรดกันคุณก็ไม่มีหวัง ห่างกันไปไกลๆ น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างน้อยเราก็ยังหาข้ออ้างตัวเองได้แต่แบบนี้ มันยากนะ ทางออกแบบแหกแนว
1. คุณทำงานที่เดียวกันไหม ถ้าทำงานเบื่อๆแล้วอันนี้ไม่ยากคับ ไปหางานใหม่เตรียมเลย แต่ถ้างานกำลังก้าวหน้าอันนี้น่าคิดมากคับ หาโอกาสบอกเค้าเลยคับว่าคิดยังไงกับเค้าแต่ควรเตรียมใจตัวเองก่อน คือถ้าเขาไม่เล่นด้วยคุณจะรับได้ไหม ที่ต้องทนเห็นเขาต่อไป ถ้าเค้าโอเคคุณโชคดีไป
2.เก็บไว้ในใจคอยรับความทรมานต่อไป แล้วพยายามเปิดเพลง * มากพอ * ของป้างฟัง และ อยากรู้แต่ไม่อยากถาม ฟังเพื่อบรรเทาความคิดตัวเอง อันนี้ไม่เสี่ยง ไม่เสียฟอร์ม แต่อาจเสียโอกาส ถ้าเค้ามีใจให้คุณ แต่ผมเชื่อนะว่าถ้ามีใจให้ละก็ คุณไม่อยู่สถานะการนี้แน่ บทสรุป จริงแล้วมีอีกหลายทางเดินนะคับ แต่ไม่ว่าทางไหนก็อาจจะเจ๊บได้ทุกเมื่อการทำใจอาจจะยากหน่อยแต่ก็ลองคิดดูคับ เราอาจจะชินกับคำว่าเป็นเพื่อนกัน ผมเองรับไม่ได้จริงๆ มันไกลเกินคำนั้นไปมาก หากเป็นผมคงเลือก 1 แล้วหางานใหม่ ความเจ็บปวดที่รับรู้ได้มันจะหายเร็วกว่าการเก็บไปคิดเอาเอง นะคับ แล้วคุณละเลือทางไหน

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

รถเลือเจ้าของ ภาค 3 จบละ

... สืบเนื่องมาจากภาค 2 นะครับ ที่รถที่คุฯซื้อไม่นับป้ายแดงนะครับเพราะอันนั้นคุณมีสิทธฺเลือกเองแบบ 100 ผมนั้นเมื่อขายรถมินิไบท์ไปก็ไม่ได้มีรถใช้ ก็ใช้รถเมล์ แท็กซี่ บ้างตามกาละเทศะ ซึ่งก้ไมทุกข์ร้อน
จนเมื่อวันนึงที่บ้านมีเหตุให้จำเป็นต้องมีพาหนะเผื่อเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย จึงต้องหารถยนต์มาใช้ เนื่องจากไม่เคยคิดจะซื้อจึงทำให้ไม่มีเงินเก็บมากเท่าไร และโจทย์ ผม คือ 1.ออโต้ 2.ติดแก็ส 3.4ประตู ด้วยงบที่ไม่มากตัวเลือกจึงมีน้อยผมได้ไปดูรถคันนึงก็โอเคตามงบแต่ยังไม่ถูกใจนัก ก็ได้ชักชวนเพื่อนไปดูรถคันที่สอง ในรูปนั้นดูดีคับ แต่ตัวจริงผิดหวังมาก ขณะนั้นก็ 2 ทุ่มแล้วอะไรดลใจก็ไม่รู้ จึงไปดูรถคันแรกที่ดูกัน เพราะยังไงก็ดีกว่าคันที่ไปดูน่า สุดท้ายดูกันมืดคับ ตกลงกันเลยเหมือนง่ายๆ ผมได้มาตอนแรกก็ไม่คิดอะไรนะ ทำไปซ่อมไป เพราะเช้าใจกับงบนี้ แรกเลยลงยางใหม่ติดฟิลม์ โอนรถ หมดไปเกือบ 2 หมื่นละ เบื้องต้นก็ทำรายการคับว่าจะเปลี่ยนอะไรบ้างดูรายการที่ยาวเป็นหางว่าวแล้วบอกตรงๆ เอาเงินไปดาวน์ อีโก้คาร์จบกว่า อ้อรถผม สามห่วงคับ พอใช้ไปสักพักปัญหาเกิด คือวิ่งไปแล้วเหม็นนำ้มันมาก เข้ามาในรถ ก็งงนะ รถเราติดแก็สทำไมแม่งเหม็นน้ำมันขนาดนี้วะ ก็พบว่าเครื่องมีปัญหา ก็เอาไปซ่อมอู่ที่คุ้นกัน ตอนแรกเหมือนดีนะคับ วางเครื่องนู่นนี่แรงมากมาย เฮอาดี จากนัดกัน 10 วัน 3 อาทิตย์รถก็ยังไม่คืบ เริ่มใจไม่ดีละ จนสุดท้ายช่างบอกวางเครื่องไม่ได้ต้องเปลียนเครื่องไปเป็นอีกรุ่น รายละเอียดตรงนี้ผมขอข้ามนะคับ ผมก็เซ็งคับ รถจอดเกือบเดือน ยางวิ่งไม่ถึง 500 โล ก็เลยถามเฮีย วันั้นเห็นถามราคาถ้าผมขาย สนใจไหม เอ๊ยก็ถามอ้าวจะไปเล่นอะไรละ .... อืมจะบานน่า ลองดูตัวนี้ไหมละ พาไปดู เป็นรถที่เฮียเค้าซื้อมาใช้เอง เพิ่มนิดหน่อยกันเอง ก็เป็นรถที่ตอบโจทย์ผมได้หมด เครื่องก็โอเค ก็ยังลังเลอยู่ จนเฮียจับมานั่งข้างไป ขับให้ไม่ซื้อไม่ว่ากัน กลับมาขึ้นฮ้อยดูอีก ช่วงล่างโอเคอยู่ ก็เลยขนของออกบอกลารถเก่า ขับคันนี้กลับบ้าน ก็ได้ร่วมเหตุการณ์ต่างๆกันมาคับ สุขทุกข์ก็ว่าไป ทำไปเรื่อย คิดขายอยู่เหมือนกัน เพื่อจจะไปถอย รถเก่าในฝัน บีเอ็มคับ e30 ใหม่กว่าเหรอ รถปี92 ของผมปี 96 suny b14 คุณคงคิดว่าบ้าขายรถไปซื้อรถเก่ากว่าเดิม แต่ผมคิดว่ามันเหมือนความฝันคับที่เราเคยมองมานานหวังว่าวันนึงเราอาจจะจับต้องมันได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขาย ทั้งที่มีคนมาดูแล้วและสนใจ แต่เราก็ดันบอกไปว่ามีจองแล้วซะงั้น ก็ร่วมเดินทางกันมาปีกว่า...จนวันที่เขียนนี่รถผมก็โดนชนท้าย ข้างประตู สาหัสพอสมควร แต่ผมไม่ได้อยู่ในรถ ลงมาก่อน รถคนเมาพุ่งมาชน คู่กรณีก็โอเคนะรับผิดชอบ แหงละ เค้าถามผมว่าขายเลยไหม ถ้าไม่สบายใจ ผมมองแล้วก็รถ ก็โอเคซ่อมไม่มากเท่าไหร่ ถ้าเค้าซื้อไปเค้าคงมีที่ปล่อย เราก็จะได้ไปซื้อรถในฝันเรา เดินลูบรถอยู่รอบนึง ก็บอกเค้าไปว่า พี่เรียกประกันละกัน รถที่ถูกชนซ่อมยังไงก็จะไม่เหมือนเดิมคับ ดูออก แต่วันนี้ผมไม่ลังเลที่จะอยู่กับสิ่งที่ผูกผัน และ ทิ้งโอกาสที่จะทำตามความฝันครั้งนี้ เพราะเชื่อว่าตราบที่ลมหายใจยังมี ฝันจะอยู่ไม่ไกล ซื้อ บีเอ็ม แม่งมาอีกคันเลย 555

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง..

...เรื่องนี้ผมเคยเขียนไว้นานมาแล้ว แต่มันหายไป ประกอบกับช่วงนี้ห่างเหินพวกเค้าไป แต่วันนี้ได้มีโิกาสมาใช้บริการอีกจึงได้คิดถึงบรรยากาศที่คุ้นเคย ให้ทายหลายท่านอาจจะรู้ ครับผมจะพูดถึงแท็กซี่ สมัยก่อนนั้นยังไม่มีโิอกาสได้มีพาหนะ จะเล่าเรื่องนี้ทีหลัง ก็ได้พบสิ่งนี้ ถ้าคุณมีเงินเป็นแสนเป็นล้าน บางที่คุณอาจจะไม่ได้สิ่งต้องการจากพวกเค้า ไปโชคชัย4 คับ เรียกตอน 4 โมงครึ่ง ถ้าเรียก 10 คัน อาจจะไม่มีคันไหนที่ไปให้คุณ เลย ไม่ทันพี่ ต้องไปส่งรถ ไม่ไปคับ บางคันบอกรถติด อ้าวแล้วรถติดผมไม่ต้องไปไหนเหรอคับพี่ หลายเหตุผล บางครั้งเงินคุณก็อาจซื้อไม่ได้นะ ผมเคยเรียกรถจากเซ็นทรัลบางนา ไป แยกเทพารักษ์ เรียก 10 คัน ไม่ไปตอน 1 ทุ่มเอง คันที่ไปขอขึ้นทางด่วนอ้อม เอาวะของมันใหญ่ ผมนึกขอบพระคุณ คนที่คิดแอบกราบแท๊กซี่ เลย คิดว่าเค้าคงมีประสบการเหมือนผม เคยคิดว่าเราหน้าโหดเค้าอาจไม่ไป เลยลองทดสอบให้รุ่นน้องหญิงที่หน้าตาไปวัดมืดๆ ได้ ลองดูระยะทางจาก เมกาบางนาไป เทอรมินัล 21 เวลา ประมาณ 4 โมงเย็น ใช้เวลา 9 คัน คันที่รับและไป บอกจะไปรับแฟรแถวนั้นพอดี เจริญครับ น่าจะทำป้ายไปเลยนะว่าพี่อยากไปไหนผมเห็นแล้วว่าทางเดียวกันจะได้เรียกโอเคมะ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด บางคันก็ไปคับทุกที่ที่เราบอก คนที่พบเจอถึงกับ โพสลงเฟตเพื่อสดุดีเลยเทียว ส่วนใหญ่ที่ไป 80 เปอร์เซนจะเป็นรถเก่าวิ่งมานาน เอาขอให้ไปถึงที่ เคยคุยกับคันที่ไม่เลือกที่ก็เข้าใจว่าเค้าต้องส่งรถแล้วทำไมต้องส่งเวลาเร่งรีบวะ อีกเรื่องที่ขำ เห็นจนชินทั้งที่แม่งอันตรายมากเลยนะคือ ใบแสดงคนขับที่ติกหน้ารถสีเหลืองๆ กับคนขับจริงๆ
เคยแกล้งถามเล่นๆคันนึง ผมว่าพี่นี่โคตรถ่ายรูปไม่ขึ้นเลยนะในรูปดูแก่ผมขาวเชียว แต่ตัวจริง ประมาณ 30 มั้ง เขาก็หัวเราะๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมหลายคนพยายามหารถส่วนตัว จะเล่าเรื่องรถที่หลัง อ้อแถมท้ายอีกนิด คือวันนั้นเพื่อนผมแม่งกลับจากต่างประเทศ จะมาหาผมที่กิ่งแก้ว 44 ห่างประมาณ 25 กม เนื่องจากผมอยู่ไซด์งานระยองตีรถไปรับไม่ได้ จึงให้มาแท๊กซี่ ตอนแรกจะไม่ไป เพื่อนผม บอก 300 โอมั้ย มาครับ ผมเข้าใจว่าพี่เข้าคิวนานเพื่อจะรับคนไปจากสนามบิน แต่ถ้าเค้าบ้านใกล้ละ พี่จะไม่รับเข้าเหรอคับ หรือต้องคิดแพง บางครั้งคุณแต่งตัวดูดีมีตัง ก็อาจจะเรียกแท๊กซี่ไม่ได้ก็ได้นะคับ...

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คุณจะมีชีวิตยืนยาวไปขนาดไหน

...หายไปหลายวัน จากที่ตั้งใจว่าจะพยายามเขียนทุกวัน ธรรมดาคับ คนเรามันคงมีช่วงล้มบ้าง ลุกบ้าง แต่เมื่อเราเจ็บ ก็แสดงว่าเรายังไม่ตายเมื่อไม่ตายเราก็ควรต้องพยายามต่อไป ที่จั่วหัวมาแบบนี้เพราะวันที่หายไปก็ไม่ได้ไปไหนหรอก แค่จัดของในบ้านนิดหน่อย ได้เห็นของที่เก็บไว้หลายสิบปีเวลามันผ่านไปเร็วนะ เมมื่อดดูของชิ้นที่เก็บแล้วยังนึกเลยว่ามันเหมือนเมื่อวานนะ เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราไม่รู้ว่าของเหล่านี้ใครจะรับช่วงต่อ มันเหมือนของที่สอนเรานะคับ ว่าไม่ควรประมาทกับชีวิต ผมนับถือนักสะสมกีตาร์ท่านนึงเขามีกีตาร์มากมายราคาก็หลาย เขาจะทำบัญชีรูปและราคาไว้ ผมว่าเขามีความไม่ประมาทในชีวิตอย่างมาก หากมองเป็นความสุขแล้ว การสะสมของอะไรก็ตาม หากวันนึงคุณไม่อยู่ของเหล่านี้จะไป ขอตอบแบบผมว่า ไม่ต้องสนใจแม่งหรอก ขอแค่ณเวลานี้ชีวิตมีความสุขคนด้านหลังสบายใจก็พอแล้วคับ จังหวะนั้นคุณไม่รับรู้อะไรอยู่แล้วบางคนมองอนาคตมาก ทำแม่งแต่งานตลอดดูคนรวยสิบ้านใหญ่โตบางคนอยู่บ้านแค่ 5-6 ชม คนที่แม่งอยู่ทั้งวัน คนใช้ เคยสนทนากับท่านนึงชีวิตมีความสุขดีคับ ทำงานพอกินขับรถพอได้เหลือก็กลับเข้าบ้าน เขาบอกว่า ถ้าผมขับต่อก็ได้เงินเพิ่ม แต่เวลาที่อยู่กับครอบครัวก็ลดลง ถึงจะดูเหมือนขี้เกียจ แแต่ถ้าผมทำแต่งานถึงเวลาที่อยากอยู่กับครอบครัวก็คงสายไปแล้ว บางครั้งก็คิดว่าเราดิ้นเกินไปไหม วันที่คุณมีกำลังคุณทำงานหนักเพื่อครอบครัว แต่เคยถามเขาไหมคับว่าเขาต้องเงินที่คุณหามา หรือเวลาที่อยู่ด้วยกัน.....อย่าไปถามวัยรุ่นนะเพราะคุณจะได้คำตอบแรก555

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คุณอยากเป็นหัวหมา หรือ หางเสือครับ

...เมื่อวานผมได้บอกถึงเรื่องที่ทำงานที่ไกลแล้วก็มาจบที่เรื่องตามหัวข้อแบบงงๆ เหมือนกัน สำหรับท่านที่พบกันครั้งแรกนะคับ คือ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเป็นนักเขียนอะไรนะคับ เพียงแค่อยากบอกเล่าประสบการณที่อาจจะมีประโยชน์สำหรับใครบางคนได้แม้เพียงเศษเสี้ยวผมก็ดีใจมากแล้ว ก็อาจเขียนผิดบ้าง ตั้งใจให้ผิดเพราะขี้เกียจบ้างก็อย่าถือสากันนะครับ คือเหมือนกับเพื่อนๆกันมีอะไรก็มาเล่านะคับ เข้าเรื่องดีกว่าคำกล่าวนี้เปรียบกับยุคที่คนไทยหายไปไหนกันหมดในระบบแรงงาน ทุกวันนี้ในภาคแรงงานหนักคุณแทบไม่เห็นคนไทยแล้ว 85-90 เป็นต่างด้าวหมดแล้ว คิดง่ายๆได้คือ 1.คนไทยรวยหมดแล้วไม่มีใครทำงานอาบเหงื่อแบบนี้หรอก (แล้วที่ผมยังทำนี่ไงวะ ยังจนสินะ ) 2.คนไทยไม่ทำงานแล้ว นอนรอโชคจากส่งชิงโชค คิดเอานะคับ 3. แล้วแต่คุณคิดละ เอ้าไม่เกี่ยวเหรอ อ้ออันนี้ของตอนหน้า ขอโทษทีคับ เข้าเรื่องจริงๆละ เมื่อคุณจบใหม่ในทุกสายการเรียน เข้าสู่การทำงานจริง ทุกคนย่อมหวังถึงการเข้าทำงานในบริษัทที่ใหญ่โตเพื่อความมั่นคงทางชีวิต อันนี้ก็เป็นเรื่องปรกติ แต่บางคนเข้าไม่ได้ก็ท้อแท้ พาลกลายเป็นนีท ไปก็มี หรือบางท่านก็ไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อให้สูงขึ้น ผมอยากให้ท่านที่ประสบปัญหาเหล่านี้มามองในมุมแบบผมบางครับ ในบริษัทใหญ่ๆสว่นมากเราอาจเริ่มในตำแหน่งเล็กๆ ก็แทบไม่มีใครรู้จักเราว่ามีตัวตนอยู่ นอกจากฝ่ายบุคคลที่รับคุณมา ถ้าคุณเริ่มต้นที่ตำแหน่งใหญ่ๆ คุณเลิกอ่านต่อไปเลยครับ ถ้าคุณทำงานแผนกตัดต่อ ในบ. ยักใหญ่คุณอาจเป็นคนทำฉากหลังเล็กๆในแผนกกว่า 10-20 คน ก็เปรียบเหือนคุณ เป็นส่วนประกอบเขา งานที่ทำก็อาจไม่โชว์ฝีมือคุณได้เต็มที่ กลับ กันถ้าคุณเข้าทำงานบริษัทเล็กๆ คน 2-3 คุณจะมีความสำคัญอย่างมาก ฝีมือคุณอาจจะเป็นหลักของงานที่แสดงออกมา หรือคุณเป็นนักข่าว ไม่ง่ายนะคับที่ครั้งแรกคุณจะมาอ่านข่าววิเคาะ แบบพี่ที่คุณเห็นตอนเช้า คุณต้องแข่งกับคนเป็นร้อย ถ้าคุณอยู่ช่องท้องถิ่น วันแรกที่ทำงาน บ่ายคุณอาจไปยืนพูดแล้วก็ได้ ที่พูดมาไม่ใช่ว่า บ. ใหญ่ไม่ดีนะคับ หรือ บ. เล็กไม่มีมาตฐาน ผมจะบอกว่ามันเป็นเรื่องโอกาสมากว่า เพียงแต่ว่าอย่าน้อยใจในสถานที่ทำงานของคุณ เอ้าแบบจะๆไปนึง คุณจบคูรมาพร้อมกับเพื่อน 2 คน เพื่อนคูรสอนโรงเรียนเอกชน ค่าเทอมแพงมากมาย คุณสอนโรงเรียนรัฐเล็กๆ แล้วยังไงคุณจะสอนเด็กแบบตามความใหญโตชื่อเสียงเหรอ คับ ไม่มีชื่อไม่ต้องเรียนมาก ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราคับ ว่าเราจะทำงานได้ออกมาดีขนาดไหนไม่ใช่อยู่ที่องกร อ่านมาถึงตอนนี้หลายท่านคงเรื่มน่าจะมีกำลังมากขึ้น ไม่มองข้าม บ.เล็กๆ ที่เดินผ่านกันบ้างแล้วนะคับ ที่เล็กคุณมีโอกาสเป็น หัวหมาที่นำทางตัวได้ คิดเองได้ นำพาเขาเจริญได้ ที่ใหญ่ คุณคุยได้ มีชื่อเสียง แต่อาจจะขาดโอกาส ที่จะนำพาเขา แสดงความคิดได้ไม่เท่าใจอยาก ต้องคอยเป็นหางเสือ แต่อย่าลืมนะคับหัวที่ไม่มีคุณภาพก็ไม่สร้างสรรค์อะไรเหมือนกันะคับ ...

นอนดึกตื่นสาย นอนเร็วตื่นเช้า

...เชื่อเหลือเกินว่าทุกท่านต้องเคยมีประสบการณืนี้แน่นนอน โฟกัสเราคือความต่างของมัน ถ้าท่านเป็นวัยเรียน วัยทำงาน มีงานทำแล้วนะ วันทำงานของคุณเฉลี่ยคราวๆประมาณ 5-6 วันแน่นนอนคุณเริ่มงานประมาณ 8 โมง ถ้าเดินทางทั่วไปไม่รีบ ก็ประมาณ 45-30 นาทีแล้วแต่ความไกลใกล้ที่ทำงาน โรงเรียน ก็ต้องตื่นประมาณ 5-6 โมง ในบางราย เข้าเรื่องนะ รายการส่วนตัวผมพบว่าคนเราหลับสบายที่สุด คือช่วงเวลา 5-6 เช้านี่แหละแน่นนอน เวลาที่เราต้องลุกไปทำงานนี่แหละ ถ้าคุณนอน เที่ยงคืน ตื่น 8 โมงคุณจะรู้สึกว่านอนพอแล้ว ถ้าคุณนอน 3ทุ่มตื่น ตี5 คุณจะรู้สึกว่านอนไม่พอ ทั้งที่ 8 ชม เท่ากันนั่นอาจเป็นเพราะคุณตื่นในช่วงที่หลับสบายที่สุด ทำให้จิตใจคุณรู้สึกนอนไม่เต็มที่ คนเมืองทั้งหลายจึงพยายามอยู่ใกล้แนวเส้นทางการเดินทางไปทำงาน เพื่อจะมีเวลาตื่นสายมากขึ้น เพราะชดเชยเวลาที่นอนดึก ผู้เขียนเคยทำงานที่นึงซึ่งไม่ไกลมาก หากขับรถจะใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที ถ้าตื่นสัก 7 โมง ก็ไปทัน 8 โมงสบายๆ แต่ชีวิตไม่ง่ายครับ เพราะเส้นทางนั้นถ้าไปรถสาธรณะ ต้องใช้เวลาถึง 2.30 ชม เนื่องจากต้องต่อรถหลายต่อ และแต่ละต่อก็มีรถผ่านไม่กี่สาย ทำให้กลายเป็นไกลไปเลย ทำให้ต้องตื่น ตี 5 แรกๆก็นอนดึกครับ เที่ยงคืนบ้าง พอตื่นก็ล้านะ ภายหลังก็นอนเร็วขึ้น ประมาณ 3ทุ่มแรกๆ ก็นอนไม่หลับเพราะชินกับการนอนดึกมาตลอด แต่ก็ปรับตัวได้ โอเคแต่ก็ยังมีงัวเงียบ้าง ปัญหาไร้สาระตามมาครับ คือไม่สามารถคุยหัวข้อสนทนาทั่วไปกับเพื่อนร่วงานได้ครับ เนื่องจากเรานอนเร็ว รายการส่วนใหญ่จบดึก สมัยนั้นอินเตอร์เนทไม่แรง 56k ใครได้สัก 32 นี่น้ำตาไหลแล้ว เลยแก้ปัญหาแบบแรกคับ นอนดึกเหมือนเดิม แล้วไปอาศัยหลับบนรถทดเวลาเอา ผลไม่เวิคครับ เพราะเราไม่สามารถนั่งรถตลอดเวลาได้ และแต่ระยะไม่นานขนาดนั้น
จึงมาคิดหาสาเหตุดูใหม่พบว่าเรามองข้ามสิ่งง่ายๆไปครับ แก้ง่ายมาก แต่อาจจะยากสำหรับบางท่าน ผู้เขียน ย้ายไปอยู่ใกล้ๆที่ทำงานครับ หักลบค่ารถเดินทางแล้ว พอๆกับค่าเช่า ได้ผลดีมากครับ ชีวิตมีเวลาขึ้นมาก
อันนี้ผมขอบอกในตอนอื่นอีกทีเกี่ยวกับเรื่องของเวลานะคับ เรามองสิ่งต่างๆยากไปไหมคับกับชีวิตเรา เด็กบางคนต้องตื่นตี5 ไปโรงเรียน กินข้าวในรถ เพื่อไปเรียนโรงเรียนชื่อดัง กับเรียนใกล้บ้านสบายๆ ทำงานในเมืองใหญ่ที่ดูดี กับทำงานใกล้ๆบ้านบริษัทเล็ก แค่คุณมีเวลาให้ตัวเพิ่มสัก 2 ชม ชีวิตคุณเปลี่ยนไปจนคุณรู้ได้แน่คับ วันพรุ่งนี้จะมาต่ิอเรื่องราวของงานคับ คุณจะเป็นหัวหมา หรือหางเสือที่ได้แค่แกว่งคับ...

วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

มนุษย์เงินเดือน เจ้านาย อิสระภาพ

...ปฦิเสธไม่ได้เลยว่า คนที่จบมาส่วนใหญ่แล้วเกิน 80 เปอร์เซนต์เป็นมนุษย์เงินเดือน อีก20 อาจเป็นเจ้าของกิจการ ช่วยงานบ้าน need อันหลังเริ่มเยอะขึ้น เป็นคำถามที่ผู้เขียนเองก็หาคำตอบการจากเป็นมนุษย์เงินเดือน กว่า 10 ปี ว่าเราจะทำงานให้เจ้าของรวยทำไม ไปเป็นเจ้าของเองดีกว่า จะทำเมื่อไรก็ได้ หยุดเมื่อไรก็ได้อิสรมาก ผู้เขียนเคยเป็นมาแล้ว ทั้ง 2 สถานะได้คำตอบกับตัวเองดังนี้
1.ทำไมต้องเป็นลูกน้อง กินเงินเดือนไป เรื่อยๆ
- ต้องยอมรับการศึกษาของเราไม่มีหลักสูตรสอนการเป็นเจ้าของกิจการในสายทั่วไป เอหรือตอนนี้มีแล้วหว่า ทำให้เมื่อจบมาเราต้องหาที่ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อย เพราะงานจริงต่างจากเรียน
2.ทำงานหามรุ่งหามคำ่เจ้านายมาเกือบ บ่ายแปบ๐ออกไปอีกแล้ว จะทำให้เค้ารวยไปทำไหม
- จริงที่เจ้าของกิจการอาจดูเหมือนสบาย แต่เรานึกสภาพของตอนสิ้นเดือนซิครับ ที่เค้าต้องหาเงินเดือนมาจ่ายพนักงานรายจ่าย ตอนนี้กลับกันพนักงานจะรู้สึกสบายใจ มีความสุขกว่ารอกดเงินที่ตู้สบายไป
3.นายจ้างเป็นแค่คนถือเงินเดือน ลูกจ้างเป็นคนทำเงินเดือนตัวเอง
- อันนี้ก็จริง แต่อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าเราคิดถึงตอนช่วงที่เศรษกิจไม่ดี คุณคิดว่าคุณทำรายได้ให้ บริษัทเท่าเงินเดือนคุณได้ไหมถ้าได้คุณออกไปเปิดเอง รวยกว่าแน่ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ร้อยเปอร์เซนต์นะครับ
อาจจะมีบางอาชีพที่รายได้ไม่ผูกกับเงินเดือนประจำ อันนี้คงไม่นับ
4.ข้อดี ข้อเสีย ของการเป็นลกจ้าง และเจ้าของ
- ขอสรุปจากประสบการณ์จริงเลยนะครับ
- ตอนเป็นลูกน้อง ตื่นเช้า กลับมืด ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ แม่งตกหน้าบ้านซะที วันหยุดก็มีโอที เซ้งเพื่อนร่วมงาน เจ้านายไม่เข้าใจ เหนื่อยใจ ไม่มีเวลาไปไหน เพราะเวลาที่ไปคนแม่งเลิกงานพร้อมกันแน่นมาก
อีก สาระพัด ปัญหาดูไม่มีดีเลย ลาออกมันซะช่วงถ่ายงานเดือนที่ออกนี้มัน สดใสจริงๆคับ แวดล้อมอะไรมันดูดีไปหมด ใครที่เคยเกลียดนี่ เรารู้สึกดีกับมันเลย กาปฎิทินรอเลย แฮบปี้มาก
- ตอนเป็นเจ้าของกิจการ สบายมากๆ ไปไหนตามใจตลอด มีเวลาทำอะไรเยอะ คิดอะไรทำได้ ไม่มีบ่น ถ้ากิจการของคุณขายดี ปัญหาไม่เกิดแน่นอน แต่ถ้าขายไม่ดีละ คุณอยากจะทำงานแทบจะทั้งวัน ไม่อยากหยุดพักเลย แทบไม่มีเวลาไปไหน นึกถึงตอนที่เราอู้งาานเลย และเมื่อใกล้สิ้นเดือนที่รายจ่ายต่างๆ มารอคุณเอ้ย จากจะไปรอกินเงินเดือนสบายๆ เหมือนเดิมจัง
สรุป ปัญหา มนุษย์เงินเดือน ไม่ได้แย่ แต่เค้าเป็นกลไกขับดันโลก ต้องบอกว่ามีส่วนเกิน 90 ขึ้นไปด้วย ลองนึกภาพ ตลาดนัดจตุจักร ที่มีแต่พ้อค้าแม่ค้า ไม่มีคนเดินซื้อซิครับ แลกเปลี่ยนกันเองไหมละ เราเลยตรงนั้นไปไกลแล้ว กำลังซื้อหลัก ทั้งหมดมาจากเค้าเหล่านี้ เพราะเค้ามีรายได้แน่นอน ทุกเดิอน ตราบที่ทำงาน เราควรเป็นไปตลอดหรือ แล้วแต่เราครับ ถ้าเราคิดว่าเราพร้อมมีความรู้ ประสบการพอตัว เราก็ออกจากส๔านะนั้นมาได้และส่งมอบ สถานะนั้นต่อให้ผู้มาใหม่ได้เรียนรู้ต่อไป คุณอาจไปเป็นเจ้าของกิจการอะไรก็ได้ ประสบการลูกจ้างมีประโยชน์กับคุณแน่ อิสรภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการแน่ครับ เราจะหาเลี้ยงชีวิต หรือใช้ชีวิตกันครับ สุดท้ายผมฝากประโยคนึงไว้ครับ มีพี่ท่านึงเคยบอกผมไว้
...ถ้าเราทำงานแบ็ง ทำดีมาตลอด บั้นปลายเราอาจได้เป็น ผู้จัดการสาขา แต่เราไม่สามารถเป็นเจ้าของ ธนาคารได้ แต่ถ้าเราขายก๋วยเตี๋ยว เราอาจไม่รวยเท่าผู้จัดการสาขาที่เราไปฝากเงิน หรือ กู้เงิน แต่เราสามารถเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวได้...